สำหรับท่านที่19นะคะเรามาดูกันว่าท่านนี้ทำประโยชน์ให้ประเทศไทยอย่างไรบ้างและท่านดำรงตำแหน่งได้นานเท่าไหร่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้างเรามาชมกันเลยนะคะ
พลเอก
สุจินดา คราประยูร (เกิด 6 สิงหาคม พ.ศ. 2476) เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารบก และ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
ประวัติ
พลเอก สุจินดา คราประยูร เกิดในครอบครัวของข้าราชการกรมรถไฟ เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2476 เวลาประมาณ 03:35 นาฬิกา
ที่ตำบลบ้านช่างหล่อ อำเภอบางกอกน้อย จังหวัดธนบุรี เป็นบุตรของจวง คราประยูร กับสมพงษ์ คราประยูร (2452–2531) สมรสกับคุณหญิงวรรณี คราประยูร (หนุนภักดี)
การศึกษา
พลเอก สุจินดา คราประยูร
เข้ารับการศึกษาระดับประถมจากโรงเรียนปิยะวิทยา
แล้วเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนทวีธาภิเศก
หลังจากนั้นเข้าศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมปีที่ 4 – 5 ที่จังหวัดหนองคาย
เนื่องจากเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง จึงต้องย้ายไปอยู่กับญาติผู้ใหญ่ที่จังหวัดหนองคาย
ต่อมาได้กลับเข้ามาศึกษาต่อในกรุงเทพมหานครจนจบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 6 จากโรงเรียนวัดราชบพิธแล้วได้เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนอำนวยศิลป์จนจบมัธยมปีที่ 8 สอบเข้าเรียนเตรียมแพทย์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เรียนได้เพียงปีเดียวก็ไปสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารและเข้าเรียนต่อโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
หลักสูตรเวสท์ปอยต์ รุ่นที่ 5 ตามลำดับ
ต่อมาได้ศึกษาต่อจนจบหลักสูตรผู้บังคับกองพันทหารปืนใหญ่จากฟอร์ทซิลส์ (Fort
Sill’s) รัฐโอคลาโฮม่า (Oklahoma) ประเทศสหรัฐอเมริกา
สำเร็จหลักสูตรเสนาธิการทหารบกรุ่นที่ 44 เป็นอันดับที่ 1 สำเร็จการศึกษาหลักสูตรเสนาธิการทหารบกสหรัฐอเมริกาจากฟอร์ดลีเวนเวิร์ธ (Fort
Leavenworth)
รับราชการทหาร
พลเอก สุจินดา เริ่มเข้ารับราชการทหารตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 ได้รับพระราชทานยศ
ว่าที่ร้อยตรี เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2501 ดำรงตำแหน่งผู้บังคับกองร้อย กองพันทหาร ปืนใหญ่ที่ 21 และก้าวหน้าในหน้าที่ราชการในตำแหน่งอาจารย์โรงเรียนเสนาธิการทหารบก
เจ้ากรมยุทธการทหารบก ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายยุทธการ รองเสนาธิการ ทหารบก
ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก รองผู้บัญชาการทหารบก และวันที่ 29 เมษายน 2533 ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก
จนเมื่อถึงวันที่ 1 ตุลาคม 2534 จึงได้ดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารสูงสุดอีกตำแหน่งหนึ่ง ต่อจากพลเอก สุนทร คงสมพงษ์ ที่เกษียณอายุราชการ
ยศทางทหาร
พลเอก สุจินดา คราประยูร ได้รับยศว่าที่ร้อยตรี เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2501 ยศร้อยเอก เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2505 ยศพันตรี เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2510 ยศพันเอก เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2518 ยศพลตรี เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2524 และยศพลเอกเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2530
ประวัติการเข้ารับราชการ
พ.ศ. ๒๕๐๑ ประจำกองร้อย กรมนักเรียนโรงเรียนทหารปืนใหญ่
ศูนย์การทหารปืนใหญ่ต่อมารักษาราชการ ผู้ช่วยนายทหารฝ่ายยุทธการและการฝึก
กองบังคับการทหารปืนใหญ่ กองพลที่ ๔
พ.ศ. ๒๕๐๒ รักษาราชการนายทหารสื่อสาร กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่
๑ และรับพระราชทานยศร้อยตรี
พ.ศ. ๒๕๐๓
รักษาราชการผู้บังคับกองร้อยบังคับการและบริการกองพันทหารปืนใหญ่ที่ ๒๑
พ.ศ. ๒๕๐๔ รับพระราชทานยศร้อยโท
พ.ศ. ๒๕๐๕ ผู้บังคับกองร้อยปืนใหญ่ กองพันทหารปืนใหญ่ที่ ๒๑
และรับพระราชทานยศร้อยเอก
พ.ศ. ๒๕๐๗ ครูกองการศึกษา โรงเรียนทหารปืนใหญ่ ศูนย์การทหารปืนใหญ่
พ.ศ. ๒๕๑๐ รักษาราชการอาจารย์โรงเรียนเสนาธิการทหารบก
และรับพระราชทานยศพันตรี
พ.ศ. ๒๕๑๓ หัวหน้าฝ่ายยุทธการกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน
พ.ศ. ๒๕๑๔ รองผู้ช่วยทูตทหารบก ประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ
กรุงวอชิงตัน และรับพระราชทานยศพันโท
พ.ศ. ๒๕๑๗ หัวหน้าแผนกกรมข่าวทหารบก
พ.ศ. ๒๕๑๘
รักษาราชการนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำกรมข่าวทหารบกและรับพระราชทานยศพันเอก
พ.ศ. ๒๕๒๒ หัวหน้ากอง กรมข่าวทหารบก
พ.ศ. ๒๕๒๔ รองเจ้ากรมยุทธการทหารบก
พ.ศ. ๒๕๒๕ เจ้ากรมยุทธการทหารบก และรับพระราชทานยศพลตรี
พ.ศ. ๒๕๒๘ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก ฝ่ายยุทธการ
และรับพระราชทานยศพลโท
พ.ศ. ๒๕๒๙ รองเสนาธิการทหารบก
พ.ศ. ๒๕๓๐ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และรับพระราชทานยศพลเอก
พ.ศ. ๒๕๓๒ รองผู้บัญชาการทหารบก
พ.ศ. ๒๕๓๓ ผู้บัญชาการทหารบก
พ.ศ. ๒๕๓๔ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
ราชการพิเศษ
พ.ศ. ๒๕๑๒ - ๒๕๑๓
ราชการสงครามเวียดนาม ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายยุทธการ กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน
พ.ศ. ๒๕๒๕ ราชองครักษ์เวร
พ.ศ. ๒๕๒๖ นายทหารพิเศษ
ประจำกรมทหารปืนใหญ่ที่ ๑ รักษาพระองค์
พ.ศ. ๒๕๒๘ ราชองครักษ์เวร
ต่อมาเป็นราชองครักษ์พิเศษ
พ.ศ. ๒๕๓๒ นายทหารพิเศษ
ประจำกรมทหารม้าที่ ๑ รักษาพระองค์ ต่อมาเป็นนายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารราบที่ ๑๑
รักษาพระองค์,
นายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารราบที่ ๑๒ รักษาพระองค์, นายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารราบ ที่ ๒ รักษาพระองค์, นายทหารพิเศษ
ประจำกรมทหารปืนใหญ่ กองพันที่ ๒๑ รักษาพระองค์ และนายทหารพิเศษ
ประจำกรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน กองพันที่ ๑ รักษาพระองค์
งานการเมือง
พลเอก สุจินดา เป็นบุคคลสำคัญในคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติที่เข้ายึดอำนาจการปกครองจากพลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 จนกระทั่งหลังการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 พรรคการเมือง 5 พรรค คือ พรรคสามัคคีธรรม พรรคชาติไทยพรรคกิจสังคม พรรคประชากรไทย และพรรคราษฎร ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลและสนับสนุนให้พลเอก สุจินดา คราประยูร
เป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านั้น พรรคร่วม 5 พรรคประกาศสนับสนุนณรงค์ วงศ์วรรณ หัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม ซึ่งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากที่สุด
แต่โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกาแถลงข่าวว่า ณรงค์ วงศ์วรรณ ติดบัญชีดำ
ถูกห้ามเข้าสหรัฐอเมริกา เนื่องจากพัวพันกับขบวนการค้ายาเสพติด
ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
แม่แบบ:นายกรัฐมนตรีไทย
2530-2539
พลเอก สุจินดา คราประยูร
ได้รับพระบรมราชโองการให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 19 ของประเทศไทยเมื่อวันที่
7 เมษายน พ.ศ. 2535 เมื่อเข้าดำรงตำแหน่งกล่าวว่า
"เสียสัตย์เพื่อชาติ" ทั้งที่เคยพูดว่าจะไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้
พลเอก สุจินดา ได้แต่งตั้ง พลเอก อิสรพงศ์ หนุนภักดี เลขาธิการ รสช.
ซึ่งเป็นพี่ชายของภรรยาตน ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
จึงถูกคัดค้านจากกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองหลายกลุ่ม ร้อยตรี ฉลาด วรฉัตร อดอาหารประท้วง
และพลตรีจำลอง ศรีเมือง เป็นผู้นำการชุมนุมของประชาชนเพื่อเรียกร้องให้พลเอกสุจินดาลาออก
เนื่องจากเป็นการสืบทอดอำนาจเผด็จการ รสช.
จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่สงบภายในประเทศ หรือพฤษภาทมิฬ ขึ้นระหว่างวันที่ 17
พฤษภาคม ถึง 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 พลเอก สุจินดา จึงลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม
2535 เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปโดยอิสระและเพื่อแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง
มีชัย ฤชุพันธุ์ รองนายกรัฐมนตรี
ได้รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี จนกระทั่งมีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในวันที่ 10
มิถุนายน 2535 คณะรัฐมนตรีคณะที่ 48 ของรัฐบาลพลเอก สุจินดา คราประยูร จึงพ้นจากตำแหน่งไปตามวาระ
ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
สมัยที่ 1 - 7 เมษายน 2535 - 24 พฤษภาคม 2535
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น